ทันตกรรมด้านรากฟันเทียม

 รอยยิ้มเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็น ซึ่งนอกจากเราควรจะยิ้มให้กันด้วยความจริงใจแล้ว รอยยิ้มกว้างที่ชัดเจนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เกิดความประทับใจให้เกิดขึ้นระหว่างกันและกัน แต่หากผู้ที่ยิ้มนั้น ฉีกยิ้มกว้างแล้วฟันหายไปด้วยปัญหาฟันผุหรือฟันมีปัญหาใด ๆ ก็ตาม แน่นอนว่าย่อมจะทำให้บุคลิกภาพของผู้นั้นคงดูไม่ดีนัก และคงจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจสำหรับผู้ที่ต้องการยิ้มเมื่อต้องพบปะผู้คน

สำหรับคนมีปัญหาฟันบิ่น บดเบี้ยว หรือฟันเหยิน อาจจะแก้ปัญหาด้วยการจัดฟันได้ แต่หากฟันหลุดออกจากปาก คือ ฟันหักไปแล้ววิธีการที่จะทำช่วยศัลยกรรมฟันได้ ก็คือ การใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร เป็นวิธีการที่จะทำให้รอยยิ้มกว้างนั้นสามารถฉีกยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม การใส่รากฟันเทียม เป็นการผ่าตัดฟันใส่รากเทียมเข้าสู่กระดูกรองรับฟันเพื่อที่จะใส่ฟันปลอม ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องทำการผ่าตัดโดยทันตแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น การใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอม จะใช้ในกรณีสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาฟันหัก ฟันงอ ฟันบิ่น จนทำให้จัดฟันไม่ได้ คนที่มีปัญหาฟันหลุด ทำให้ช่องฟันห่าง เป็นต้น

การใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวรดีอย่างไร

ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงการใส่ฟันปลอมถาวรก่อนว่ามีข้อดีหลายประการ ทั้งช่วยให้ฟันเข้ารูปเข้าร่างมีความแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก ช่วยแก้ปัญหากลิ่นปาก ช่วยให้ทำความสะอาดช่องปากได้ง่าย ไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรีย สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ใส่ได้ ทำให้คนไข้ไม่ต้องเป็นกังวลกับปัญหากลิ่นปากแต่อย่างใด

ข้อแนะนำก่อนใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวร

ก่อนใส่รากฟันเทียม ควรเตรียมความพร้อมยอมรับในเรื่องการปลูกรากฟันเทียมก่อน ซึ่งควรเตรียมพร้อมรับการตรวจสภาพช่องปากจากทันตแพทย์ ทั้งสำหรับการเลือกสถานที่เข้ารับการรักษา ควรเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ซึ่งเมื่อเข้ารับการรักษาแล้วควรปรึกษาเกี่ยวกับฟันและการดูแลรักษารากฟันเทียมให้ละเอียด

ขั้นตอนการใส่รากฟันเทียม

ขั้นตอนที่ ๑ การใส่รากฟันเทียม

ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพฟัน หากเจอฟันที่ต้องถอนออกก็จะทำการถอนฟันก่อน และรอเวลากระดูกร่องฟันให้ฟื้นตัว หลังจากนั้นทันตแพทย์จึงจะทำความสะอาดช่องปากให้สะอาด ทำการฉีดยาชาที่ช่องเหงือก รอเวลาราว 30-40 นาที แล้วจึงถึงขั้นตอนการผ่าตัดโดยการเจาะส่วนกระดูกรองรับฟันในจุดที่ต้องการใส่รากฟันเทียม เมื่อเจาะตรงจุดแล้ว
ทันตแพทย์จะทำการใส่รากฟันเทียม โดยส่วนใหญ่จะเลือกใช้วัสดุที่ทำมาจากเหล็กไททาเนียม ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลาการใส่ฟันนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนรากฟันที่ใส่ หลังจากใส่รากฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะให้เวลาคนไข้พักฟื้น เพื่อที่จะให้รากฟันเทียมยึดกับกระดูกรองฟันก่อน โดยทันตแพทย์จะทำการใส่สะพานฟันแทนฟันปลอมไปก่อน

ขั้นตอนที่ ๒ การใส่เดือยเพื่อรองรับครอบฟัน

เมื่อรากฟันเทียมปรับสภาพเข้ากับกระดูกรองฟันแล้ว ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดช่องเหงือกเพื่อใส่เดือยรองรับครอบฟันกับรากฟันเทียม เพื่อรองรับการใส่ฟันปลอมถาวรต่อไป หลังจากใส่เดือย ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์แบบฟันเพื่อทำฟันปลอม โดยช่วงระหว่างนี้ทันตแพทย์อาจจะนัดคนไข้เพื่อตรวจฟัน ไว้เป็นข้อมูลในการปรับรูปร่างของฟันปลอมให้เข้ากับฟันซี่อื่นให้มากที่สุด

ขั้นตอนที่ ๓ การใส่ฟันปลอม

เมื่อได้ฟันตามแบบที่ต้องการแล้ว ทันตแพทย์จะใส่ฟันปลอมถาวรให้เรียงตัวสวยงาม และให้คนไข้กลับไปพักฟื้น ตรวจสภาพฟันเรื่อย ๆ ราว 1 เดือน หากไม่พบความผิดปกติใด ๆ ของฟันก็เป็นอันว่าใส่ฟันปลอมได้สำเร็จ ไม่ต้องเป็นกังวลกับฟันปลอมถาวรอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านพ้นเวลาไปสักระยะหนึ่ง ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสภาพฟันอีกครั้งเพื่อตรวจสภาพฟันให้เป็นปกติต่อไป

ผู้ที่ไม่ควรรับการรักษาโดยการปลูกรากฟันเทียม

สำหรับผู้ที่มีความพิการ หรือเป็นโรคที่ไม่สามารถควบคุมได้ไม่ควรจะปลูกรากฟันเทียม ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงหญิงมีครรภ์ ผู้ที่ขาดกล้ามเนื้อที่ประสานกันเพื่อจัดการขั้นตอนการทำความสะอาดในช่องปาก คนไข้เหล่านี้หากปลูกรากฟันเทียมอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ได้

ปฏิบัติตัวอย่างไร หลังใส่รากฟันเทียม

หลังใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวร ควรรับประทานอาหารรสไม่จัดมากนักและไม่เผ็ดจนเกินไป เพื่อให้ฟันปรับสภาพก่อน ซึ่งควรดูแลทำความสะอาดซี่ฟันให้เป็นปกติ หลังจากนั้นก็ควรหมั่นพบทันตแพทย์บ่อย ๆ เพื่อตรวจสภาพฟันปลอม และสภาพฟันปลอม อย่างน้อยราว 1 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าการใส่ฟันปลอมถาวร มีผลลัพธ์ที่ไม่เกิดผลเสียต่อสภาพฟัน

การรักษาฟันโดยการใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร เป็นวิธีการที่จะช่วยดูแลสุขภาพช่องปากให้สามารถทำงานได้ตามปกติ หมดปัญหากับความไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน ด้วยการดูแลฟันให้อยู่ในสภาพที่ปกติ ไม่มีกลิ่นปาก ฉีกรอยยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องเขินอายเวลาเจอผู้คนแล้วล่ะค่ะ ทีนี้ก็สามารถยิ้มกว้างได้อย่างเต็มที่เลย !!!